Friday, July 11, 2008
:: Say No to ปลาร้า ::
ผมเป็นแฟนพันธุ์แท้ของปลาดิบอย่างซาชิมิ แต่ยังไม่เคยทานปลาดิบอีกประเภท คือปลาร้า และปลาส้ม เนื่องจากรู้สึกไม่ถูกชะตากับกลิ่นของมันสักเท่าไหร่ และสิ่งที่ผมได้อ่านเมื่อวานนี้ก็ทำให้ผมดีใจที่ยังไม่เคยทานปลาร้าหรือปลาส้ม และตั้งใจไว้ว่าคงจะไม่ทดลองทานอีกเป็นแน่

ผมได้อ่านบทความของ พล.ต.รศ.น.พ.​ ปริญญา ทวีชัยการ (โอโฮ​ ตำแหน่งของท่านเหลือกินจริงๆ) ในแผ่นพับ M Care (พิมพ์โดยบริษัท​ Merck) ก็ทำให้ตกใจกับสถิติบางประการเกี่ยวกับการตายจากโรคมะเร็ง มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นมะเร็งที่ทำให้คนตายมากเป็นอันดับสองของโลก แต่ในเมืองไทยนั้นเป็นอันดับสามรองจากมะเร็งตับ นั่นเพราะว่าคนไทยเป็นโรคมะเร็งตับกันมาก โดยเฉพาะในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ทำไมคนไทยจึงเป็นมะเร็งตับกันมาก?​ ผมหยิบหนังสือ "รู้ทันโรคตับ รู้ลึกเรื่องเปลี่ยนตับ" (โดย น.พ.ปิยะวัฒน์ โกมลมิศร์ และคณะ, พิมพ์ครั้งที่ 3)​ ขึ้นมาดู ที่หน้า 25 เขียนว่ามะเร็งตับนั้นมีหลายชนิด ชนิดหนึ่งคือโรคมะเร็งท่อน้ำดี (cholangiocarcinoma) พบได้ "บ่อยมาก"​ ในคนไทยภาคอีสานและเหนือ เพราะการกิน "ปลาร้า ปลาส้ม"​ ทำให้ติดเชื้อพยาธิใบไม้ในตับ พยาธิเติบโตในท่อน้ำดี ทำให้อักเสบเรื้อรังและก่อเกิดเป็นมะเร็ง

ฟังดูแล้วน่ากลัวเป็นอย่างมาก แต่ความจริงที่น่ากลัวกว่านั้นอยู่ในหน้า 67: โรคมะเร็งตับในบางกรณีสามารถรักษาได้ด้วยการเปลี่ยนตับ แต่จะต้องเป็นมะเร็งตับปฐมภูมิ (hepatoma) เท่านั้น จะเป็นมะเร็งท่อน้ำดีไม่ได้ ดังนั้นถ้าใครทานปลาร้า ปลาส้ม เข้าไป แล้วเกิดโรคพยาธิใบไม้ในตับ เรื้อรังจนกลายสภาพเป็นมะเร็งขึ้นมา ก็จะต้องหาทางรักษาแบบอื่น คุณหมอไม่รับเปลี่ยนตับให้แม้จะหาผู้บริจาคได้ก็ตาม

This page is powered by Blogger. Isn't yours?