Friday, July 01, 2005 |
หนึ่ง กรกฎาคม สองพันห้าร้อยสี่สิบแปด
วันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ และเป็นสุดสัปดาห์ที่ยาวนานสามวัน เพราะวันที่ 4 กรกฎาฯ นั้นเป็นวันชาติของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขานิยมเรียกว่า "วันประกาศอิสรภาพ" เป็นวันหยุดที่สำคัญที่สุดของที่นี่
ส่วนวันนี้ วันที่หนึ่ง ก็เป็นวันสำคัญเช่นเดียวกัน วันนี้เป็น "วันแคนาดา" ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเรียกว่าวันชาติได้หรือเปล่า แต่ก็คงมีความสำคัญมากอยู่เหมือนกัน ใครสนใจไปอ่านเองที่ http://www.pch.gc.ca/progs/cpsc-ccsp/jfa-ha/canada_e.cfm
ก็นับว่า ช่วงสุดสัปดาห์นี้เป็น ฤกษ์งาม ยามดี
สมควรที่จะมีสิ่งแปลกใหม่มาให้กับชีวิต
ทำอะไรดี ถึงจะแปลกใหม่?
- หาอะไรแปลกๆ กิน ดีไม๊?
- หรือว่า จะไปเที่ยวที่แปลกๆ?
- หาเกมแปลกๆ มาเล่น?
- หาหนังแปลกๆ มาดู?
- จัดห้องใหม่?
- ไปบวชซะดีไม๊?
- หางานใหม่ ทิ้งงานเก่า?
- ฯลฯ (สารพัด ไ-dia)
ที่ว่ามาทั้งหมดนั้นยังไม่น่าสนุกพอ เอาอย่างนี้ดีกว่า
"วันนี้ผมจะทิ้งแฟน"
เฮ่ย เฮ่ย บ้าไปแล้ว ใจเย็นๆ (พูดกับตัวเอง) ทิ้งเค้าได้ไง อยู่ด้วยกันมา ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมร้อน ร่วมหนาว มาด้วยกันตั้งหลายปี ... นี่แค่นึกสนุกก็จะมาทิ้งกันง่ายๆ ได้อย่างไร? น่าเสียดายน่าาาา
อืมมม จริง ถ้าทิ้งไปก็น่าเสียดาย เกิดตอนหลังเราต้องการเค้าขึ้นมาอีกจะว่าอย่างไร ใช่ว่าจะหาใหม่ได้ง่ายๆ ซะเมื่อไหร่
งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ลากลงไปเก็บไว้ในห้องเก็บของดีกว่า! พัดลมตัวนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องผมอีกต่อไป ก็ผมเพิ่งซื้อแอร์มานี่นา ยี่ห้อ LG ใหม่เอี่ยม 8000 BTU พลังเหลือเฟือสำหรับห้องนอนของคนคนเดียว (คนใจเดียวด้วยหละ (...อ้วก!)) ตอนนี้ห้องผมก็เย็นเฉียบ แถมยังเงียบแสนเงียบ บรรยากาศเช่นนี้ จะทำงานก็ทำได้อย่างลื่นสมอง จะนอนก็นอนได้อย่างสบายยิ่ง เรียกได้ว่า "เย็นเฉียบ เงียบสนิท"
พัดลมตัวนี้ แม้จะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน แม้มันจะเคยคลายร้อนให้ผมได้บ้างตามความสามารถของมัน แม้ว่ามันจะเคยทุ่มเททำเพื่อผมมามากแค่ไหน แต่ถึงบัดนี้เมื่อผมมีคน เอ๊ย แอร์ที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า ผมจะยังต้องการพัดลมไปอีกเพื่ออะไร? ก็คงเป็นเวลาที่ผมจะต้องบอกลา และคุณพัดลม ก็ควรจะต้องตัดใจ เอ๊ย ตัดไฟ
ต่อแต่นี้ไป กระแสความรัก เอ๊ย กระแสไฟฟ้า จากห้องหัวใจ เอ๊ย จากห้องนอนของผม คงจะไม่มีให้กับแฟนเก่าคนนี้ เอ๊ย พัดลมเก่าตัวนี้อีกต่อไปแล้ว
ฮ่าๆๆ ถ้าท่านผู้อ่านรู้สึกสะดุ้งๆ เมื่ออ่านย่อหน้าที่แล้ว ผู้เขียนขอบอกว่าผู้เขียนสะดุ้งแรงยิ่งกว่า บรึ๋ยยย
แต่ตามหลักมนุษยธรรม(พัดลมยธรรม?)แล้ว การจะทิ้งพัดลมไปโดยไม่บอกลานั้นมันช่างโหดร้ายยิ่ง ดังนั้น ก่อนจะถอดปลั๊ก ผมจึงนั่งคุยกับเธอ เอ๊ย กับมัน (ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ) เสมือนกับว่าจะเป็นการพูดคุยเพื่อแยกทางกันอย่างเข้าอกเข้าใจ
"พัดลมจ๋า ฉันเคยรักเธอ และเธอก็เคยเป็นสิ่งเดียวที่อยู่เคียงข้างฉันในยามที่ฉันร้อนรน ลมปาก เอ๊ย ลมจากใบพัดของเธอ มันทำให้ฉันมีลมหายใจอยู่ได้ แต่เธอรู้ไหม หลังจากอยู่กับเธอมาหลายปีแล้ว ฉันเริ่มรู้สึกว่าความสุขที่เธอให้ฉันมันไม่เพียงพอ เธออย่าน้อยใจไปเลยที่ฉันจะพูดความจริง ฉันรู้ว่าเธอหมุนใบพัดมาโดยตลอดก็เพื่อฉัน และเธอก็มีความสุขที่จะทำอย่างนั้น โดยเฉพาะในวันที่แดดเปรียงๆ เธอก็หมุนแรงมากเพื่อให้ฉันเย็นสบาย แต่เธอรู้ไหม ว่ามันไม่เคยทำให้ฉันดีขึ้นเลย จริงอยู่ มีลมพัดใส่ตัวฉันก็จริง แต่มันก็เป็นลมร้อน ยิ่งอากาศร้อนเธอก็ยิ่งหมุนแรง และฉันก็ยิ่งต้องรับอากาศร้อนๆ ที่เป่ามาจากเธอเยอะขึ้น เยอะขึ้น จนฉันต้องปวดหัว ไม่สบาย ล้มป่วยไปหลายครั้ง ขอโทษด้วยที่ฉันไม่เคยบอกเธอเพราะฉันไม่กล้า ฉันกลัวเธอเสียใจ กลัวเธอทิ้งฉันไป ก็ตอนนั้นฉันเคยมีเธอคนเดียวนี่นา แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากทนต่อไปแล้ว ฉันจึงต้องบอกความจริงกับเธอ ฉันเสียใจนะ แต่เราคงต้องแยกทางกันแล้ว เธอเข้าใจฉันใช่มั้ย? ทำไมเธอส่ายหน้าเล่า? ถ้าเธอรักฉันจริงเธอต้องเข้าใจและยอมจากไปโดยดีสิจ๊ะ นะ อย่าส่ายหน้าเลย ฉันรู้เธอรักฉัน แต่เราคงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกันหรอก ฉันมันขี้ร้อนเกินไป และเธอก็พัดลมร้อนให้ฉันมากไป โลกนี้มีคนอื่นหลายคนที่ไม่ขี้ร้อนเหมือนฉัน ที่อาจจะเหมาะกับเธอมากกว่าฉัน เธอต้องเข้าใจฉันนะ นี่แน่ะ ฉันกดปุ่มให้เธอหยุดส่ายหน้าได้แล้ว ดีใจจังเธอเข้าใจฉันแล้ว เราดีต่อกันนะ แยกทางกัน แต่ดีต่อกันนะ"
พัดลมมันมองผมอย่างทอดอาลัย ราวกับไม่อยากจะจากไป
"ใช่ว่าเธอจะต้องจากฉันไปตลอดไปนี่นา สักวันเธออาจจะเย็นขึ้น สักวันฉันอาจจะขี้ร้อนน้อยลง สักวันอากาศอาจจะไม่ร้อนมากนัก สักวันแอร์ของฉันอาจจะชำรุดเสียหาย ดังนั้น สักวัน เราอาจจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกก็ได้ ฉันไม่ได้ทิ้งเธอไปไหน แค่เอาเธอไปเก็บไว้ในห้องเก็บของเท่านั้นเอง เธออย่าได้เศร้าไปเลย สักวันหนึ่งที่ฉันไม่มีใคร ฉันจะไปหาเธอ"
...
พูดเสร็จผมก็ยกพัดลมลงไปเก็บในห้องเก็บของ ล็อคกุญแจไว้จะได้ไม่มีใครขโมยมันไป แล้วเดินขึ้นมานอนตากแอร์เย็นเฉียบ เงียบสนิท ช่างมีความสุขเสียนีกระไร
วันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ และเป็นสุดสัปดาห์ที่ยาวนานสามวัน เพราะวันที่ 4 กรกฎาฯ นั้นเป็นวันชาติของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขานิยมเรียกว่า "วันประกาศอิสรภาพ" เป็นวันหยุดที่สำคัญที่สุดของที่นี่
ส่วนวันนี้ วันที่หนึ่ง ก็เป็นวันสำคัญเช่นเดียวกัน วันนี้เป็น "วันแคนาดา" ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะเรียกว่าวันชาติได้หรือเปล่า แต่ก็คงมีความสำคัญมากอยู่เหมือนกัน ใครสนใจไปอ่านเองที่ http://www.pch.gc.ca/progs/cpsc-ccsp/jfa-ha/canada_e.cfm
ก็นับว่า ช่วงสุดสัปดาห์นี้เป็น ฤกษ์งาม ยามดี
สมควรที่จะมีสิ่งแปลกใหม่มาให้กับชีวิต
ทำอะไรดี ถึงจะแปลกใหม่?
- หาอะไรแปลกๆ กิน ดีไม๊?
- หรือว่า จะไปเที่ยวที่แปลกๆ?
- หาเกมแปลกๆ มาเล่น?
- หาหนังแปลกๆ มาดู?
- จัดห้องใหม่?
- ไปบวชซะดีไม๊?
- หางานใหม่ ทิ้งงานเก่า?
- ฯลฯ (สารพัด ไ-dia)
ที่ว่ามาทั้งหมดนั้นยังไม่น่าสนุกพอ เอาอย่างนี้ดีกว่า
"วันนี้ผมจะทิ้งแฟน"
เฮ่ย เฮ่ย บ้าไปแล้ว ใจเย็นๆ (พูดกับตัวเอง) ทิ้งเค้าได้ไง อยู่ด้วยกันมา ร่วมทุกข์ ร่วมสุข ร่วมร้อน ร่วมหนาว มาด้วยกันตั้งหลายปี ... นี่แค่นึกสนุกก็จะมาทิ้งกันง่ายๆ ได้อย่างไร? น่าเสียดายน่าาาา
อืมมม จริง ถ้าทิ้งไปก็น่าเสียดาย เกิดตอนหลังเราต้องการเค้าขึ้นมาอีกจะว่าอย่างไร ใช่ว่าจะหาใหม่ได้ง่ายๆ ซะเมื่อไหร่
งั้นเอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ลากลงไปเก็บไว้ในห้องเก็บของดีกว่า! พัดลมตัวนี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องผมอีกต่อไป ก็ผมเพิ่งซื้อแอร์มานี่นา ยี่ห้อ LG ใหม่เอี่ยม 8000 BTU พลังเหลือเฟือสำหรับห้องนอนของคนคนเดียว (คนใจเดียวด้วยหละ (...อ้วก!)) ตอนนี้ห้องผมก็เย็นเฉียบ แถมยังเงียบแสนเงียบ บรรยากาศเช่นนี้ จะทำงานก็ทำได้อย่างลื่นสมอง จะนอนก็นอนได้อย่างสบายยิ่ง เรียกได้ว่า "เย็นเฉียบ เงียบสนิท"
พัดลมตัวนี้ แม้จะเคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานาน แม้มันจะเคยคลายร้อนให้ผมได้บ้างตามความสามารถของมัน แม้ว่ามันจะเคยทุ่มเททำเพื่อผมมามากแค่ไหน แต่ถึงบัดนี้เมื่อผมมีคน เอ๊ย แอร์ที่ทำหน้าที่นี้ได้ดีกว่า ผมจะยังต้องการพัดลมไปอีกเพื่ออะไร? ก็คงเป็นเวลาที่ผมจะต้องบอกลา และคุณพัดลม ก็ควรจะต้องตัดใจ เอ๊ย ตัดไฟ
ต่อแต่นี้ไป กระแสความรัก เอ๊ย กระแสไฟฟ้า จากห้องหัวใจ เอ๊ย จากห้องนอนของผม คงจะไม่มีให้กับแฟนเก่าคนนี้ เอ๊ย พัดลมเก่าตัวนี้อีกต่อไปแล้ว
ฮ่าๆๆ ถ้าท่านผู้อ่านรู้สึกสะดุ้งๆ เมื่ออ่านย่อหน้าที่แล้ว ผู้เขียนขอบอกว่าผู้เขียนสะดุ้งแรงยิ่งกว่า บรึ๋ยยย
แต่ตามหลักมนุษยธรรม(พัดลมยธรรม?)แล้ว การจะทิ้งพัดลมไปโดยไม่บอกลานั้นมันช่างโหดร้ายยิ่ง ดังนั้น ก่อนจะถอดปลั๊ก ผมจึงนั่งคุยกับเธอ เอ๊ย กับมัน (ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ) เสมือนกับว่าจะเป็นการพูดคุยเพื่อแยกทางกันอย่างเข้าอกเข้าใจ
"พัดลมจ๋า ฉันเคยรักเธอ และเธอก็เคยเป็นสิ่งเดียวที่อยู่เคียงข้างฉันในยามที่ฉันร้อนรน ลมปาก เอ๊ย ลมจากใบพัดของเธอ มันทำให้ฉันมีลมหายใจอยู่ได้ แต่เธอรู้ไหม หลังจากอยู่กับเธอมาหลายปีแล้ว ฉันเริ่มรู้สึกว่าความสุขที่เธอให้ฉันมันไม่เพียงพอ เธออย่าน้อยใจไปเลยที่ฉันจะพูดความจริง ฉันรู้ว่าเธอหมุนใบพัดมาโดยตลอดก็เพื่อฉัน และเธอก็มีความสุขที่จะทำอย่างนั้น โดยเฉพาะในวันที่แดดเปรียงๆ เธอก็หมุนแรงมากเพื่อให้ฉันเย็นสบาย แต่เธอรู้ไหม ว่ามันไม่เคยทำให้ฉันดีขึ้นเลย จริงอยู่ มีลมพัดใส่ตัวฉันก็จริง แต่มันก็เป็นลมร้อน ยิ่งอากาศร้อนเธอก็ยิ่งหมุนแรง และฉันก็ยิ่งต้องรับอากาศร้อนๆ ที่เป่ามาจากเธอเยอะขึ้น เยอะขึ้น จนฉันต้องปวดหัว ไม่สบาย ล้มป่วยไปหลายครั้ง ขอโทษด้วยที่ฉันไม่เคยบอกเธอเพราะฉันไม่กล้า ฉันกลัวเธอเสียใจ กลัวเธอทิ้งฉันไป ก็ตอนนั้นฉันเคยมีเธอคนเดียวนี่นา แต่ตอนนี้ฉันไม่อยากทนต่อไปแล้ว ฉันจึงต้องบอกความจริงกับเธอ ฉันเสียใจนะ แต่เราคงต้องแยกทางกันแล้ว เธอเข้าใจฉันใช่มั้ย? ทำไมเธอส่ายหน้าเล่า? ถ้าเธอรักฉันจริงเธอต้องเข้าใจและยอมจากไปโดยดีสิจ๊ะ นะ อย่าส่ายหน้าเลย ฉันรู้เธอรักฉัน แต่เราคงไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกันหรอก ฉันมันขี้ร้อนเกินไป และเธอก็พัดลมร้อนให้ฉันมากไป โลกนี้มีคนอื่นหลายคนที่ไม่ขี้ร้อนเหมือนฉัน ที่อาจจะเหมาะกับเธอมากกว่าฉัน เธอต้องเข้าใจฉันนะ นี่แน่ะ ฉันกดปุ่มให้เธอหยุดส่ายหน้าได้แล้ว ดีใจจังเธอเข้าใจฉันแล้ว เราดีต่อกันนะ แยกทางกัน แต่ดีต่อกันนะ"
พัดลมมันมองผมอย่างทอดอาลัย ราวกับไม่อยากจะจากไป
"ใช่ว่าเธอจะต้องจากฉันไปตลอดไปนี่นา สักวันเธออาจจะเย็นขึ้น สักวันฉันอาจจะขี้ร้อนน้อยลง สักวันอากาศอาจจะไม่ร้อนมากนัก สักวันแอร์ของฉันอาจจะชำรุดเสียหาย ดังนั้น สักวัน เราอาจจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีกก็ได้ ฉันไม่ได้ทิ้งเธอไปไหน แค่เอาเธอไปเก็บไว้ในห้องเก็บของเท่านั้นเอง เธออย่าได้เศร้าไปเลย สักวันหนึ่งที่ฉันไม่มีใคร ฉันจะไปหาเธอ"
...
พูดเสร็จผมก็ยกพัดลมลงไปเก็บในห้องเก็บของ ล็อคกุญแจไว้จะได้ไม่มีใครขโมยมันไป แล้วเดินขึ้นมานอนตากแอร์เย็นเฉียบ เงียบสนิท ช่างมีความสุขเสียนีกระไร