Sunday, November 13, 2005 |
เช้าเมื่อวานนี้ผมยืนรอรถเมล์สาย 71A อยู่ราวๆ ครึ่งชั่วโมง มองดูนาฬิกาพบว่าเหลือเวลาอีก 40 นาทีก็จะถึงเวลาสอบ GRE วิชา Computer Science แล้ว ผมตัดสินใจยืนรอต่ออีก 10 นาที
และแล้วรถเมล์คันหนึ่งก็แล่นมา แต่เปล่า! มันไม่ใช่สาย 71A แต่มันคือสาย 81B ซึ่งไปคนละทางกับที่ที่ผมต้องการจะไป
ตายหละ เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ผมมีทางเลือกอยู่สองทาง คือ
1) เสี่ยงรอ ซึ่งถ้ารถเมล์มาภายใน 15 นาทีนี้ผมก็จะไปทัน หรือ
2) เดิน+วิ่ง ให้ถึง University of Pittsburgh ภายในครึ่งชั่วโมง ซึ่งอยู่ในวิสัยที่พอทำได้ .. แต่.. กว่าจะไปถึงผมคงหมดแรงพอดี
และแล้ว เหมือนสวรรค์โปรด/เหมือนพระเจ้าช่วย/เหมือนอานิสงส์จากบุญเก่ามาปรากฎผล/เหมือนผีประจำตนคอยคุ้มครอง ฯลฯ ผมก็เห็นแท็กซี่สีเหลืองคันหนึ่งแล่นผ่านมาพอดี ผมไม่ทันโบก แต่บังเอิญแท็กซี่คันนั้นเข้าไปจอดเติมน้ำมันที่ปั๊ม Get Go ใกล้ๆ ป้ายรถเมล์พอดี
ขืนรอรถเมล์ต่อไปอาจต้องไปสายและหมดสิทธิ์สอบ ขืนวิ่งไปอาจจะไปนั่งหอบแฮ่กๆ ในห้องสอบ ในที่สุดผมจึงตัดสินใจวิ่งตามแท็กซี่ไปที่ปั๊มน้ำมัน และขอให้เขาพาไปส่งที่ศูนย์สอบ ค่าแท็กซี่อย่างมากคงไม่เกิน $10 ยังไงก็คุ้มสำหรับการสอบคราวนี้ที่ผมต้องเสียเงินไปแล้วถึง $130 (โอ .. พระเจ้า)
คนขับเป็นชายผิวดำวัยกลางคน หน้าตาโหดๆ เล็กน้อย พอรถแล่นออกไปได้ไม่นานเขาก็เริ่มบทสนทนา:
"คุณเชื่อในพระเจ้าหรือไม่?"
คนที่ถามแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยเป็นคนที่เชื่อในพระเจ้า และห้าสิบในร้อยเป็นคนที่จะพยายามทำให้เราเชื่อในพระเจ้าเช่นเดียวกัน
เขาคงจะรู้สึกดีกว่า ถ้าผมตอบไปว่า "ใช่ ผมเชื่อ" .. และเพื่อตัดปัญหาบางทีผมอาจจะควรตอบไปเช่นนั้น
แต่ผมเชื่อว่าพระเจ้า(ถ้ามีจริง)คงไม่ชอบคนโกหก ผมจึงต้องตอบตามตรงว่า "ไม่ครับ ผมเป็นชาวพุทธ ผมไม่เชื่อในพระเจ้า"
และอย่างที่ผมคาด เขาไม่ค่อยพอใจกับคำตอบเท่าไรนัก เขาบอกว่าเขาเป็นชาวคริสต์ เขาเชื่อมั่นในพระเจ้า พระเจ้าสร้างโลกขึ้นมา สร้างเขาขึ้นมา พระเจ้าทำให้ชีวิตเขามีความสุขอยู่ได้ พระเจ้าให้แท็กซี่เขามาขับจนถึงทุกวันนี้
สุดท้ายเขาบอกผมว่า "คุณบอกว่าคุณกำลังจะไปสอบ แต่รถเมล์ที่คุณรอไม่ยอมมาซะทีใช่ไหม? ... ผมถามคุณหน่อย: คุณคิดว่าทำไมผมถึงได้มาเติมน้ำมันที่นี่ ในเวลานี้พอดิบพอดี?"
ผมนิ่ง ... ไม่ได้ตอบ (เขาคงไม่ต้องการคำตอบจากผมอยู่ดี)
แล้วเขาก็ตอบให้เสร็จสรรพ: "พระเจ้าไงคุณ พระเจ้าสั่งให้ผมมาเติมน้ำมันที่ปั๊มนี้ ณ เวลานี้พอดี เพราะพระองค์รู้ว่าคุณกำลังจะไปสอบสาย และพระองค์ทรงมีพระเมตตากับคุณ"
รถแล่นมาถึงที่หมายพอดี ผมจ่ายค่าโดยสาร+ทิป ไป $8 กล่าวขอบคุณเขา แล้วเปิดประตูลงจากรถ
ในใจผมคิด "ถ้าพระเจ้าเมตตาตูจริงๆ ทำไมไม่ส่งรถเมลล์สาย 71A มารับตูวะ? จะได้ไม่ต้องจ่าย $8"
สุดท้ายหลังสอบเสร็จ ผมเล่าให้ฮิมและฆนัทฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จึงได้แนวคิดใหม่มาว่า สิ่งที่คนขับแท็กซี่พูดนั้นน่าคิดทีเดียว
ถึงแม้จะไม่จริงที่พระเจ้าเมตตาผม แต่เป็นความจริงเลยที่พระเจ้ามีจริง และนี่คือเหตุผล: คนขับแท็กซี่เชื่อในพระเจ้า พระเจ้าจึงเมตตาเขา บันดาลให้รถเมล์สาย 71A แล่นช้ากว่าปกติ และบันดาลให้เขามาเติมน้ำมันในปั๊มใกล้ๆ ผมพอดี เขาจะได้ได้ผมเป็นลูกค้าตั้งแต่เช้า
ส่วนผม เพราะไม่เชื่อในพระเจ้า พระเจ้าเลยลงโทษให้รอรถเมล์ท่ามกลางอากาศหนาว และให้ต้องจ่าย $8 เป็นค่าโดยสารแท็กซี่ (ซึ่งนั่งไปเพียงห้านาทีก็ถึงที่หมาย)
พูดคุยกับฆนัทและฮิมไป พวกเราก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อรอรถกลับบ้าน ยังพูดเรื่อง "พระเจ้าลงโทษ" ไม่ทันจะจบ ก็ได้พบกับการลงโทษอีกครั้งหนึ่งจากพระเจ้า
รถสาย 71A เพิ่งแล่นผ่านหน้าเราไป เรามาสายไปเพียงห้าวินาที
และแล้วรถเมล์คันหนึ่งก็แล่นมา แต่เปล่า! มันไม่ใช่สาย 71A แต่มันคือสาย 81B ซึ่งไปคนละทางกับที่ที่ผมต้องการจะไป
ตายหละ เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมง ผมมีทางเลือกอยู่สองทาง คือ
1) เสี่ยงรอ ซึ่งถ้ารถเมล์มาภายใน 15 นาทีนี้ผมก็จะไปทัน หรือ
2) เดิน+วิ่ง ให้ถึง University of Pittsburgh ภายในครึ่งชั่วโมง ซึ่งอยู่ในวิสัยที่พอทำได้ .. แต่.. กว่าจะไปถึงผมคงหมดแรงพอดี
และแล้ว เหมือนสวรรค์โปรด/เหมือนพระเจ้าช่วย/เหมือนอานิสงส์จากบุญเก่ามาปรากฎผล/เหมือนผีประจำตนคอยคุ้มครอง ฯลฯ ผมก็เห็นแท็กซี่สีเหลืองคันหนึ่งแล่นผ่านมาพอดี ผมไม่ทันโบก แต่บังเอิญแท็กซี่คันนั้นเข้าไปจอดเติมน้ำมันที่ปั๊ม Get Go ใกล้ๆ ป้ายรถเมล์พอดี
ขืนรอรถเมล์ต่อไปอาจต้องไปสายและหมดสิทธิ์สอบ ขืนวิ่งไปอาจจะไปนั่งหอบแฮ่กๆ ในห้องสอบ ในที่สุดผมจึงตัดสินใจวิ่งตามแท็กซี่ไปที่ปั๊มน้ำมัน และขอให้เขาพาไปส่งที่ศูนย์สอบ ค่าแท็กซี่อย่างมากคงไม่เกิน $10 ยังไงก็คุ้มสำหรับการสอบคราวนี้ที่ผมต้องเสียเงินไปแล้วถึง $130 (โอ .. พระเจ้า)
คนขับเป็นชายผิวดำวัยกลางคน หน้าตาโหดๆ เล็กน้อย พอรถแล่นออกไปได้ไม่นานเขาก็เริ่มบทสนทนา:
"คุณเชื่อในพระเจ้าหรือไม่?"
คนที่ถามแบบนี้ ร้อยทั้งร้อยเป็นคนที่เชื่อในพระเจ้า และห้าสิบในร้อยเป็นคนที่จะพยายามทำให้เราเชื่อในพระเจ้าเช่นเดียวกัน
เขาคงจะรู้สึกดีกว่า ถ้าผมตอบไปว่า "ใช่ ผมเชื่อ" .. และเพื่อตัดปัญหาบางทีผมอาจจะควรตอบไปเช่นนั้น
แต่ผมเชื่อว่าพระเจ้า(ถ้ามีจริง)คงไม่ชอบคนโกหก ผมจึงต้องตอบตามตรงว่า "ไม่ครับ ผมเป็นชาวพุทธ ผมไม่เชื่อในพระเจ้า"
และอย่างที่ผมคาด เขาไม่ค่อยพอใจกับคำตอบเท่าไรนัก เขาบอกว่าเขาเป็นชาวคริสต์ เขาเชื่อมั่นในพระเจ้า พระเจ้าสร้างโลกขึ้นมา สร้างเขาขึ้นมา พระเจ้าทำให้ชีวิตเขามีความสุขอยู่ได้ พระเจ้าให้แท็กซี่เขามาขับจนถึงทุกวันนี้
สุดท้ายเขาบอกผมว่า "คุณบอกว่าคุณกำลังจะไปสอบ แต่รถเมล์ที่คุณรอไม่ยอมมาซะทีใช่ไหม? ... ผมถามคุณหน่อย: คุณคิดว่าทำไมผมถึงได้มาเติมน้ำมันที่นี่ ในเวลานี้พอดิบพอดี?"
ผมนิ่ง ... ไม่ได้ตอบ (เขาคงไม่ต้องการคำตอบจากผมอยู่ดี)
แล้วเขาก็ตอบให้เสร็จสรรพ: "พระเจ้าไงคุณ พระเจ้าสั่งให้ผมมาเติมน้ำมันที่ปั๊มนี้ ณ เวลานี้พอดี เพราะพระองค์รู้ว่าคุณกำลังจะไปสอบสาย และพระองค์ทรงมีพระเมตตากับคุณ"
รถแล่นมาถึงที่หมายพอดี ผมจ่ายค่าโดยสาร+ทิป ไป $8 กล่าวขอบคุณเขา แล้วเปิดประตูลงจากรถ
ในใจผมคิด "ถ้าพระเจ้าเมตตาตูจริงๆ ทำไมไม่ส่งรถเมลล์สาย 71A มารับตูวะ? จะได้ไม่ต้องจ่าย $8"
สุดท้ายหลังสอบเสร็จ ผมเล่าให้ฮิมและฆนัทฟังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จึงได้แนวคิดใหม่มาว่า สิ่งที่คนขับแท็กซี่พูดนั้นน่าคิดทีเดียว
ถึงแม้จะไม่จริงที่พระเจ้าเมตตาผม แต่เป็นความจริงเลยที่พระเจ้ามีจริง และนี่คือเหตุผล: คนขับแท็กซี่เชื่อในพระเจ้า พระเจ้าจึงเมตตาเขา บันดาลให้รถเมล์สาย 71A แล่นช้ากว่าปกติ และบันดาลให้เขามาเติมน้ำมันในปั๊มใกล้ๆ ผมพอดี เขาจะได้ได้ผมเป็นลูกค้าตั้งแต่เช้า
ส่วนผม เพราะไม่เชื่อในพระเจ้า พระเจ้าเลยลงโทษให้รอรถเมล์ท่ามกลางอากาศหนาว และให้ต้องจ่าย $8 เป็นค่าโดยสารแท็กซี่ (ซึ่งนั่งไปเพียงห้านาทีก็ถึงที่หมาย)
พูดคุยกับฆนัทและฮิมไป พวกเราก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์เพื่อรอรถกลับบ้าน ยังพูดเรื่อง "พระเจ้าลงโทษ" ไม่ทันจะจบ ก็ได้พบกับการลงโทษอีกครั้งหนึ่งจากพระเจ้า
รถสาย 71A เพิ่งแล่นผ่านหน้าเราไป เรามาสายไปเพียงห้าวินาที